สรุปบทที่7

เมื่อทีมงานทุกๆคนได้ถึงบทสรุปที่7 นี้แล้ว Step ขั้นตอนการทำงานต่างๆ ผมหวังว่าคุณจะนำไปประยุกต์ใช้ให้เหมาะสมกับเหตุการณ์ต่างๆที่จะเข้ามาในการทำธุรกิจ GDI เมื่อคุณใช้ความรู้ทั้ง7บทนี้ หลังจากที่คุณได้ทำงานอย่างทุมเท ตั้งใจ จริงจัง สม่ำเสมอ คุณจะพบกับความสำเร็จนั่นคือ ทีมงานใหม่ที่เกิดขึ้นจากการให้โอกาสทางธุรกิจ GDI ภายใต้การแนะนำของคุณ สิ่งต่อไปที่คุณต้องทำคือ การเรียนรู้ที่จะรักษาและถ่ายทอดความสำเร็จให้กับทีมงานของคุณ ซึ่งในบทที่ 8 จะสอนเรื่อง “การดูแลรักษาทีมงาน” ในลำดับต่อไป เมื่อคุณมีทีมงานแล้ว ให้อีเมล์หรือติดต่ออัพไลน์ของคุณ เพื่อเรียนรู้ในบทต่อไป

แนวคิดที่อยากฝากไว้

“ความล้มเหลวของเหตุการณ์” ถือเป็นรางวัลแห่งการเรียนรู้ ไม่ถือเป็นความล้มเหลวของจิตใจ หรือ ความล้มเหลวของชีวิต กลับเป็น “ชัยชนะของชีวิต”ต่างหาก เพราะชีวิตมีการพัฒนาทักษะในการอยู่กับความทุกข์ได้เก่งขึ้น ส่งผลให้ความผิดหวังมีผลบีบคั้นทางจิตใจได้น้อยลงไปตามลำดับ พลังความสุขในชีวิต...เกิดขึ้นได้ง่ายๆ เพียงเรารู้ทันว่า
“ชีวิตที่สมบูรณ์ คือ ‘ใจ’ ที่ยอมรับธรรมชาติความไม่สมบูรณ์ของชีวิต”

“ความสำเร็จไม่ได้หล่นจากฟ้า ไม่มีอะไรเป็นไปอย่างที่เราคิด ปัญหาจะทำให้คนแข็งแกร่งขึ้น ”

“ ความสำเร็จของคน ไม่ได้เกิดจากสวรรค์ ไม่ได้เกิดจากโชคชะตา แต่เกิดจากการฝึกฝนอย่างจริงจัง และสม่ำเสมอ ”

อุปสรรคเป็นบททดสอบของชีวิต ฝนฟ้าคะนอง ลม พายุ เราสามารถผ่านไปได้ด้วยปัญญา ที่สำคัญคือ มีความสุขกับทุกๆจังหวะของชีวิต และอย่าลืมหันมาดูแลตัวเอง ดูแลคนรอบข้าง แค่นี้ความสุขก็วนเวียนอยู่รอบๆตัวคุณแล้ว

“ อย่าคิดว่าตนเองดีที่สุดแล้ว แต่จงคิดว่าทำอย่างไรให้ดีกว่าเดิม ”

ข้อเสนอแนะ
หากมีตรงไหนที่ไม่เข้าใจที่เกิดปัญหาการเรียนรู้หรือปัญหาการทำงาน ให้จดปัญหานั้นเอาไว้ “อย่าจำ” “สมองของมนุษย์มีไว้คิด มากกว่ามีไว้จำ” ในแต่ละวันสมองเรามีเรื่องให้เราคิดก็มากมายหลายเรื่องอยู่แล้ว ต้องมาจดจำปัญหาเพิ่มคงจะหนักเกินไปและอาจลืมปัญหาที่จะถามกับอัพไลน์แน่ๆ ฉะนั้นสมุดคู่ใจที่พร้อมจดปัญหาทุกๆสถานการณ์ควรมีติดตัวไว้เวลาทำงาน GDI ครับ และติดต่อกับอัพไลน์ให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากติดต่อทางโทรศัพท์ไม่ได้ให้ติดต่อทางอีเมล์หรือติดต่อกับอัพไลน์ที่สูงกว่าซึ่งมีให้ปรึกษาถึง 5 คน “ไม่ผลัดวันประกันพรุ่ง” ใช้คำว่า “เดี๋ยวก่อนๆ” สุดท้ายก็ “ลืม” ฉะนั้นนึกอะไรขึ้นได้ให้รีบจดและรีบหาคำตอบทันทีครับ จะทำให้เราเก่งได้ไวขึ้นและมีระเบียบวินัยในการทำธุรกิจมากขึ้นด้วย
ในบทนี้การติดต่อกับอัพไลน์บ่อยๆเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ การติดต่อทางอีเมล์ ,ทาง MSN ,ทางโทรศัพท์ สามารถใช้ได้ทุกวิธีที่เหมาะสมกับตัวเรา(ทางอีเมล์เป็นเมนหลักของการติดต่อที่ทำได้ทุกเวลา) และการเรียนรู้อีกทางหนึ่งขององค์กรนี้จากการฟังและยังสามารถพูดคุย ,แลกเปลี่ยนความคิด ,สอบถามปัญหา และขอประสบการณ์คำปรึกษาจากผู้ที่ทำธุรกิจ GDI นั่นคือ “การอบรมออนไลน์ประจำสัปดาห์” การเรียนรู้ด้วยวิธีนี้จะได้เทคนิคและวิธีต่างๆที่อัพเดจและในอีเมล์ไม่มี ข่าวสารอัพเดจใหม่ๆ มุมมองทัศนคติของผู้ร่วมธุรกิจ ประสบการณ์ตรงของผู้ร่วมธุรกิจ GDI ที่พร้อมจะถ่ายทอดเทคนิคการทำงานดีๆ เพื่อนใหม่ในธุรกิจเดียวกัน และอื่นๆอีกมากที่คุณไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย ช่วงเวลาที่อบรมออนไลน์ประจำสัปดาห์จะเป็นช่วงหัวค่ำของแต่ละวัน สำหรับทีมงานใหม่ๆที่เพิ่งเข้ามาทำธุรกิจนี้ไม่นาน หากไม่ได้มีธุระอะไรที่จำเป็นหรือติดงานหรือสิ่งสำคัญจริงๆ แนะนำว่าเข้ามารับฟังข้อมูลดีๆผ่านห้องอบรมออนไลน์ห้องนี้ “ลองจัดหาเวลาแทนที่จะรอให้มีเวลา” เข้ามาเรียนรู้ด้วยวิธีนี้ดูครับ ส่วนวิธีเข้าห้องออนไลน์และตารางการเรียนรู้จะได้รับจากอัพไลน์ทางอีเมล์ หากไม่ได้ให้ติดต่ออัพไลน์เพื่อขอทราบรายละเอียดต่างๆตรงนี้

บทที่7.3การทำงานเชิงรุก (การนัดฟังบรรยายธุรกิจออนไลน์)

เรื่องบันทึกผลการทำงานจากบทที่6-3 ให้ทำสถิติส่งอัพไลน์ทางอีเมล์ทุกๆสัปดาห์ ไม่ว่าคุณจะได้ทำงานหรือไม่ได้ทำก็ตาม อัพไลน์จะไม่สามารถวิเคราะห์ผลการทำงานของคุณและแนะนำแนวทางได้ถ้าขาดสถิติ ฉะนั้นให้ความสำคัญของสถิติการทำงานให้มากๆ อย่าลืมจดสถิติคน Submit เข้าเวปไซต์ด้วยนะครับ

“การทำงานเชิงรุกด้วยการนัดฟังบรรยายธุรกิจออนไลน์” เป็นวิธีให้รายละเอียดคนสนใจด้วยการใช้ห้องประชุมออนไลน์ Camfrog ซึ่งเปิดโอกาสให้คนสนใจเข้ารับฟังได้ทุกๆวันจันทร์เวลา 19.30-20.00น. หลังจากที่โทรคุยเชิงรุกแล้ว ไม่ว่าเขาจะตัดสินใจทำหรือไม่ การเปิดโอกาสให้คนสนใจเข้าฟังธุรกิจออนไลน์เป็นอีกช่องทางหนึ่งที่เพิ่มความมั่นใจได้ และยังเห็นพลังขององค์กรอีกด้วย เมื่อคุยจบคนสนใจพูดว่า “ขอเวลาตัดสินใจ ,ขอกลับไปอ่านข้อมูลเพิ่มเติม ,ขอปรึกษาญาติ เพื่อน ,ให้ทีมงานแนะนำเรื่องการฟังบรรยายธุรกิจออนไลน์และ ส่งอีเมล์การนัดฟังบรรยายธุรกิจออนไลน์กลับไป มีรายละเอียดต่างๆจาก2 ลิ้งค์นี้
www.mcgyver2007.ws/Email.doc
www.mcgyver2007.ws/Camfrog_Guest.pdf

เมื่อมีคนสนใจเข้าฟังบรรยายธุรกิจออนไลน์ จะมีอีเมล์ตอบกลับมาบอกคุณว่าเขาต้องการเข้า สิ่งที่คุณต้องทำคือ

1. นัดคนสนใจและช่วยแนะนำวิธีการเข้าห้องบรรยายธุรกิจจนเขาสามารถเข้าห้องได้ โปรโหมดว่าเขาจะได้อะไรจากการเข้าฟังบรรยายธุรกิจครั้งนี้ และตัวเราควรฟังและอยู่ในห้องออนไลน์นั้นด้วยครับ
2. ติดต่อกับคนสนใจทันทีหลังจากที่เขารับฟังข้อมูลจบ ถามเขาว่า ตัดสินใจอย่างไรดีครับ/ค่ะ อยากทำธุรกิจนี้หรือไม่ครับ หมายถึงเราต้องมาสรุปกับคนสนใจเองนะครับ ในระบบห้องบรรยายธุรกิจ จะไม่ทำส่วนนี้ให้


แนวคิดที่อยากฝากไว้

“ความล้มเหลวของเหตุการณ์” ถือเป็นรางวัลแห่งการเรียนรู้ ไม่ถือเป็นความล้มเหลวของจิตใจ หรือ ความล้มเหลวของชีวิต กลับเป็น “ชัยชนะของชีวิต”ต่างหาก เพราะชีวิตมีการพัฒนาทักษะในการอยู่กับความทุกข์ได้เก่งขึ้น ส่งผลให้ความผิดหวังมีผลบีบคั้นทางจิตใจได้น้อยลงไปตามลำดับ พลังความสุขในชีวิต...เกิดขึ้นได้ง่ายๆ เพียงเรารู้ทันว่า
“ชีวิตที่สมบูรณ์ คือ ‘ใจ’ ที่ยอมรับธรรมชาติความไม่สมบูรณ์ของชีวิต”

“ความสำเร็จไม่ได้หล่นจากฟ้า ไม่มีอะไรเป็นไปอย่างที่เราคิด ปัญหาจะทำให้คนแข็งแกร่งขึ้น ”

“ ความสำเร็จของคน ไม่ได้เกิดจากสวรรค์ ไม่ได้เกิดจากโชคชะตา แต่เกิดจากการฝึกฝนอย่างจริงจัง และสม่ำเสมอ ”

อุปสรรคเป็นบททดสอบของชีวิต ฝนฟ้าคะนอง ลม พายุ เราสามารถผ่านไปได้ด้วยปัญญา ที่สำคัญคือ มีความสุขกับทุกๆจังหวะของชีวิต และอย่าลืมหันมาดูแลตัวเอง ดูแลคนรอบข้าง แค่นี้ความสุขก็วนเวียนอยู่รอบๆตัวคุณแล้ว

“ อย่าคิดว่าตนเองดีที่สุดแล้ว แต่จงคิดว่าทำอย่างไรให้ดีกว่าเดิม ”

ข้อเสนอแนะ

หากมีตรงไหนที่ไม่เข้าใจที่เกิดปัญหาการเรียนรู้หรือปัญหาการทำงาน ให้จดปัญหานั้นเอาไว้ “อย่าจำ” “สมองของมนุษย์มีไว้คิด มากกว่ามีไว้จำ” ในแต่ละวันสมองเรามีเรื่องให้เราคิดก็มากมายหลายเรื่องอยู่แล้ว ต้องมาจดจำปัญหาเพิ่มคงจะหนักเกินไปและอาจลืมปัญหาที่จะถามกับอัพไลน์แน่ๆ ฉะนั้นสมุดคู่ใจที่พร้อมจดปัญหาทุกๆสถานการณ์ควรมีติดตัวไว้เวลาทำงาน GDI ครับ และติดต่อกับอัพไลน์ให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากติดต่อทางโทรศัพท์ไม่ได้ให้ติดต่อทางอีเมล์หรือติดต่อกับอัพไลน์ที่สูงกว่าซึ่งมีให้ปรึกษาถึง 5 คน “ไม่ผลัดวันประกันพรุ่ง” ใช้คำว่า “เดี๋ยวก่อนๆ” สุดท้ายก็ “ลืม” ฉะนั้นนึกอะไรขึ้นได้ให้รีบจดและรีบหาคำตอบทันทีครับ จะทำให้เราเก่งได้ไวขึ้นและมีระเบียบวินัยในการทำธุรกิจมากขึ้นด้วย
ในบทนี้การติดต่อกับอัพไลน์บ่อยๆเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ การติดต่อทางอีเมล์ ,ทาง MSN ,ทางโทรศัพท์ สามารถใช้ได้ทุกวิธีที่เหมาะสมกับตัวเรา(ทางอีเมล์เป็นเมนหลักของการติดต่อที่ทำได้ทุกเวลา) และการเรียนรู้อีกทางหนึ่งขององค์กรนี้จากการฟังและยังสามารถพูดคุย ,แลกเปลี่ยนความคิด ,สอบถามปัญหา และขอประสบการณ์คำปรึกษาจากผู้ที่ทำธุรกิจ GDI นั่นคือ “การอบรมออนไลน์ประจำสัปดาห์” การเรียนรู้ด้วยวิธีนี้จะได้เทคนิคและวิธีต่างๆที่อัพเดจและในอีเมล์ไม่มี ข่าวสารอัพเดจใหม่ๆ มุมมองทัศนคติของผู้ร่วมธุรกิจ ประสบการณ์ตรงของผู้ร่วมธุรกิจ GDI ที่พร้อมจะถ่ายทอดเทคนิคการทำงานดีๆ เพื่อนใหม่ในธุรกิจเดียวกัน และอื่นๆอีกมากที่คุณไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย ช่วงเวลาที่อบรมออนไลน์ประจำสัปดาห์จะเป็นช่วงหัวค่ำของแต่ละวัน สำหรับทีมงานใหม่ๆที่เพิ่งเข้ามาทำธุรกิจนี้ไม่นาน หากไม่ได้มีธุระอะไรที่จำเป็นหรือติดงานหรือสิ่งสำคัญจริงๆ แนะนำว่าเข้ามารับฟังข้อมูลดีๆผ่านห้องอบรมออนไลน์ห้องนี้ “ลองจัดหาเวลาแทนที่จะรอให้มีเวลา” เข้ามาเรียนรู้ด้วยวิธีนี้ดูครับ ส่วนวิธีเข้าห้องออนไลน์และตารางการเรียนรู้จะได้รับจากอัพไลน์ทางอีเมล์ หากไม่ได้ให้ติดต่ออัพไลน์เพื่อขอทราบรายละเอียดต่างๆตรงนี้

บทที่7.2การทำงานเชิงรับ (การโทรไปคุย)

เรื่องบันทึกผลการทำงานจากบทที่6-3 ให้ทำสถิติส่งอัพไลน์ทางอีเมล์ทุกๆสัปดาห์ ไม่ว่าคุณจะได้ทำงานหรือไม่ได้ทำก็ตาม อัพไลน์จะไม่สามารถวิเคราะห์ผลการทำงานของคุณและแนะนำแนวทางได้ถ้าขาดสถิติ ฉะนั้นให้ความสำคัญของสถิติการทำงานให้มากๆ อย่าลืมจดสถิติคน Submit เข้าเวปไซต์ด้วยนะครับ

“การทำงานเชิงรุกด้วยการโทรไปพูดคุย” เป็นวิธีให้รายละเอียดคนสนใจที่ดีที่สุด!!!!!!!! เมื่อผ่าน Step การให้ข้อมูลกับคนสนใจทางอีเมล์แล้ว (GDI.pdf) จะมีบางคนที่ติดต่อกลับมาทางอีเมล์หรือโทรมาถาม การเรียนรู้ที่จะตอบคำถาม-ข้อโต้แย้งต่างๆเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงละเลยไม่ได้ คำถามที่คนสนใจชอบถามได้รวบรวมไว้แล้ว ให้ Download และปริ้นออกมาศึกษาให้เข้าใจ สามารถดาวด์โหลดได้จากลิ้งค์ www.mcgyver2007.ws/Question-Answer.pdf ศึกษาจนเข้าใจและมั่นใจที่จะตอบข้อโต้แย้งต่างๆ

ทีมงานทุกคนยังคงจำบทที่ 7-1 ได้ หลังจากติดต่อแจ้งให้ทราบเกี่ยวกับรายละเอียดที่ส่งให้ทางอีเมล์กับคนสนใจแล้ว หากมีการติดต่อมาพูดคุยก็ให้ใช้แนวทางการตอบจากลิงค์ด้านบน แต่ถ้าหากไม่มีการติดต่อกลับมา สิ่งต่อไปคือ “การติดต่อกลับคนสนใจด้วยการโทรศัพท์” ซึ่งจะติดต่อกลับไปหลังจากส่งอีเมล์+ไฟล์ GDI.pdf แล้ว3-4วัน ไม่ควรเกิน 7 วัน เพราะคนสนใจจะลืม มีแนวทางการเริ่มต้นคุยด้วย Script จากลิงค์นี้ www.mcgyver2007.ws/Script_2.pdf
เมื่อเจอคนสนใจชวนคุณไปทำธุรกิจตัวอื่นๆ โดยใช้เงินมาเป็นตัวล่อให้คุณสับสนหลงทาง มีข้อคิดอย่างหนึ่งที่อยากฝากไว้

“อย่าให้ความโลภครอบงำปัญญา
ต้องพัฒนาสติให้ทันปัญญา
ต้องเติบโตเป็นรากลึก ลำต้นแข็งแรง
อย่าโตแบบกลวงๆ”

หลังจากคุยกับคนสนใจจบแล้ว ไม่ว่าเขาจะตัดสินใจทำหรือไม่ คนสนใจยังไม่มั่นใจยังต้องการรายละเอียดหรือความมั่นใจอื่นๆเพิ่มเติมอีก แนะนำให้เขาเข้ากลับไปศึกษาข้อมูลในเวปไซต์ของเราหรือจะใช้วิธีสุดท้ายนั่นคือ “การนัดเข้าฟังบรรยายธุรกิจ GDI ฟรีผ่านอินเตอร์เน็ตออนไลน์ ที่จัดทุกๆวันจันทร์” เพื่อให้คนสนใจเข้ามาเห็นผู้ร่วมธุรกิจและพลังขององค์กร ช่วยเพิ่มความมั่นใจอีกทางหนึ่ง วิธีนัดคนสนใจเพื่อเข้ารับฟังอบรมออนไลน์ดูจากบทที่ 7-3 ต่อได้เลยครับ


แนวคิดที่อยากฝากไว้

“ความล้มเหลวของเหตุการณ์” ถือเป็นรางวัลแห่งการเรียนรู้ ไม่ถือเป็นความล้มเหลวของจิตใจ หรือ ความล้มเหลวของชีวิต กลับเป็น “ชัยชนะของชีวิต” ต่างหาก เพราะชีวิตมีการพัฒนาทักษะในการอยู่กับความทุกข์ได้เก่งขึ้น ส่งผลให้ความผิดหวังมีผลบีบคั้นทางจิตใจได้น้อยลงไปตามลำดับ พลังความสุขในชีวิต...เกิดขึ้นได้ง่ายๆ เพียงเรารู้ทันว่า
“ชีวิตที่สมบูรณ์ คือ ‘ใจ’ ที่ยอมรับธรรมชาติความไม่สมบูรณ์ของชีวิต”

“ความสำเร็จไม่ได้หล่นจากฟ้า ไม่มีอะไรเป็นไปอย่างที่เราคิด ปัญหาจะทำให้คนแข็งแกร่งขึ้น ”

“ ความสำเร็จของคน ไม่ได้เกิดจากสวรรค์ ไม่ได้เกิดจากโชคชะตา แต่เกิดจากการฝึกฝนอย่างจริงจัง และสม่ำเสมอ ”

อุปสรรคเป็นบททดสอบของชีวิต ฝนฟ้าคะนอง ลม พายุ เราสามารถผ่านไปได้ด้วยปัญญา ที่สำคัญคือ มีความสุขกับทุกๆจังหวะของชีวิต และอย่าลืมหันมาดูแลตัวเอง ดูแลคนรอบข้าง แค่นี้ความสุขก็วนเวียนอยู่รอบๆตัวคุณแล้ว

“ อย่าคิดว่าตนเองดีที่สุดแล้ว แต่จงคิดว่าทำอย่างไรให้ดีกว่าเดิม ”


ข้อเสนอแนะ

หากมีตรงไหนที่ไม่เข้าใจที่เกิดปัญหาการเรียนรู้หรือปัญหาการทำงาน ให้จดปัญหานั้นเอาไว้ “อย่าจำ” “สมองของมนุษย์มีไว้คิด มากกว่ามีไว้จำ” ในแต่ละวันสมองเรามีเรื่องให้เราคิดก็มากมายหลายเรื่องอยู่แล้ว ต้องมาจดจำปัญหาเพิ่มคงจะหนักเกินไปและอาจลืมปัญหาที่จะถามกับอัพไลน์แน่ๆ ฉะนั้นสมุดคู่ใจที่พร้อมจดปัญหาทุกๆสถานการณ์ควรมีติดตัวไว้เวลาทำงาน GDI ครับ และติดต่อกับอัพไลน์ให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากติดต่อทางโทรศัพท์ไม่ได้ให้ติดต่อทางอีเมล์หรือติดต่อกับอัพไลน์ที่สูงกว่าซึ่งมีให้ปรึกษาถึง 5 คน “ไม่ผลัดวันประกันพรุ่ง” ใช้คำว่า “เดี๋ยวก่อนๆ” สุดท้ายก็ “ลืม” ฉะนั้นนึกอะไรขึ้นได้ให้รีบจดและรีบหาคำตอบทันทีครับ จะทำให้เราเก่งได้ไวขึ้นและมีระเบียบวินัยในการทำธุรกิจมากขึ้นด้วย
ในบทนี้การติดต่อกับอัพไลน์บ่อยๆเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ การติดต่อทางอีเมล์ ,ทาง MSN ,ทางโทรศัพท์ สามารถใช้ได้ทุกวิธีที่เหมาะสมกับตัวเรา(ทางอีเมล์เป็นเมนหลักของการติดต่อที่ทำได้ทุกเวลา) และการเรียนรู้อีกทางหนึ่งขององค์กรนี้จากการฟังและยังสามารถพูดคุย ,แลกเปลี่ยนความคิด ,สอบถามปัญหา และขอประสบการณ์คำปรึกษาจากผู้ที่ทำธุรกิจ GDI นั่นคือ “การอบรมออนไลน์ประจำสัปดาห์” การเรียนรู้ด้วยวิธีนี้จะได้เทคนิคและวิธีต่างๆที่อัพเดจและในอีเมล์ไม่มี ข่าวสารอัพเดจใหม่ๆ มุมมองทัศนคติของผู้ร่วมธุรกิจ ประสบการณ์ตรงของผู้ร่วมธุรกิจ GDI ที่พร้อมจะถ่ายทอดเทคนิคการทำงานดีๆ เพื่อนใหม่ในธุรกิจเดียวกัน และอื่นๆอีกมากที่คุณไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย ช่วงเวลาที่อบรมออนไลน์ประจำสัปดาห์จะเป็นช่วงหัวค่ำของแต่ละวัน สำหรับทีมงานใหม่ๆที่เพิ่งเข้ามาทำธุรกิจนี้ไม่นาน หากไม่ได้มีธุระอะไรที่จำเป็นหรือติดงานหรือสิ่งสำคัญจริงๆ แนะนำว่าเข้ามารับฟังข้อมูลดีๆผ่านห้องอบรมออนไลน์ห้องนี้ “ลองจัดหาเวลาแทนที่จะรอให้มีเวลา” เข้ามาเรียนรู้ด้วยวิธีนี้ดูครับ ส่วนวิธีเข้าห้องออนไลน์และตารางการเรียนรู้จะได้รับจากอัพไลน์ทางอีเมล์ หากไม่ได้ให้ติดต่ออัพไลน์เพื่อขอทราบรายละเอียดต่างๆตรงนี้

บทที่7.1การทำงานเชิงรับ

เมื่อได้อ่านอีเมล์ฉบับนี้แล้ว ทีมงานทุกคนคงวางแผนการจัดเวลาและการทำงานกันเรียบร้อยแล้ว เรื่องบันทึกผลการทำงานจากบทที่6-3 ให้ทำสถิติส่งอัพไลน์ทางอีเมล์ทุกๆสัปดาห์ ไม่ว่าคุณจะได้ทำงานหรือไม่ได้ทำก็ตาม อัพไลน์จะไม่สามารถวิเคราะห์ผลการทำงานของคุณและแนะนำแนวทางได้ถ้าขาดสถิติ ฉะนั้นให้ความสำคัญของสถิติการทำงานให้มากๆ อย่าลืมจดสถิติคน Submit เข้าเวปไซต์ด้วยนะครับ เริ่มลงมือทำตามแผนการทำงานที่ตัวเองเลือกและรับคำปรึกษาจากอัพไลน์ด้วยความสม่ำเสมอ ต่อเนื่อง ตั้งใจ ทุ่มเท จนกระทั่งเริ่มมีคนสนใจได้เข้ามาศึกษาข้อมูลในเวปไซต์ของเราและได้ให้รายละเอียด ชื่อ เบอร์โทร และอีเมล์ เพื่อให้เราติดต่อให้ข้อมูลเพิ่มเติม ในบทที่ 7 จะพูดถึง “การให้รายละเอียดคนสนใจ” สาเหตุของคนส่วนใหญ่ที่เข้าไปในเวปไซต์ของเราและไม่ตัดสินใจทำธุรกิจ 90 % ไม่ได้อ่านข้อมูลในเวปไซต์จนจบ และสาเหตุอื่น จะมีเทคนิคและคำอธิบายอยู่ในบทนี้ทั้งสิ้น ฉะนั้นการให้รายละเอียดเพิ่มเติมเป็นสิ่งสำคัญยิ่ง ซึ่งบทที่ 7 นี้จะมีสไตล์การทำงานทั้งเชิงรุกและเชิงรับผสมผสานกัน มีอยู่3แบบดังนี้

1. การทำงานเชิงรับ ด้วยการส่งอีเมล์แนบไฟล์ GDI.pdf
การให้ข้อมูลทางอีเมล์กับคนสนใจเป็น Step แรกของการทำงาน อย่างที่เคยบอกกันไปแล้ว “10ปากว่าไม่เท่าตาเห็น” การพูดคุยกับคนสนใจที่ยังไม่เห็นภาพหรือได้รับข้อมูลจากการอ่านมาก่อน การพูดให้เข้าใจจะยากมากๆ คนสนใจจะถามเยอะและถามลบมาก(ในบางคน) การส่งไฟล์สรุปที่อ่านเข้าใจง่าย นอกจากจะทำให้คนสนใจเข้าใจธุรกิจแล้ว ยังเป็นการคัดคนสนใจไปอีกทางหนึ่ง มุมมองง่ายๆ ถ้าหากยังไม่มีเวลาหรือความพยายามในการอ่านข้อมูลสรุปของเราที่ส่งให้ทางอีเมล์ครบ8หน้าได้ คุณคิดว่าเขาจะมีเวลาและความพยายามทำธุรกิจ GDI ได้หรือ? ฉะนั้นเมื่อมีคนสนใจได้ให้รายละเอียด ชื่อ เบอร์โทร และอีเมล์ ให้ส่งอีเมล์พร้อมแนบไฟล์ GDI.pdf ไปให้คนสนใจก่อนเป็นอย่างแรก ข้อความที่ใช้ในอีเมล์จะประมาณนี้ครับ
หัวข้อ : รายละเอียดธุรกิจ GDI ธุรกิจออนไลน์100%ไม่แอบแฝงงานขาย ไม่นัดอบรมนอกสถานที่
เนื้อจดหมาย : สวัสดีครับผม/ดิฉัน____________ ติดต่อจาก Global Domain International (GDI)ที่คุณได้เข้าไปศึกษาธุรกิจ GDI ธุรกิจ ออนไลน์100%ไม่แอบแฝงงานขาย ไม่นัดอบรมนอกสถานที่ ซึ่งผม/ดิฉันได้อีเมล์ เบอร์โทร และชื่อ มาจากที่คุณได้เข้าไปกรอกรายละเอียดไว้ที่เวปไซต์ จุดเด่นของธุรกิจ GDI จะไม่มีแอบแฝงงานขายสินค้าอุปโภค,บริโภค ไม่ต้องเดินทางไปอบรมนอกสถานที่ ไม่ต้องซื้อสินค้าราคาแพงๆหรือสต๊อกสินค้าเพื่อรักษายอด เป็นธุรกิจเกี่ยวกับโดเมนเนม ที่คุณได้เข้าศึกษาข้อมูลได้ที่เวปไซค์ www._________.ws คุณคิดว่านี่คือสิ่งที่คุณสนใจและต้องการศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมหรือเปล่าครับ ถ้าต้องการคุณสามารถรับข้อมูลเพิ่มเติมนี้ได้ 2 ทาง


1.จากไฟล์ GDI.pdf สามารถคลิ๊กซึ่งได้แนบไฟล์มากับอีเมล์นี้ (ไฟล์แนบจะอยู่ใต้หัวจดหมายอีเมล์ด้านบน)(ปริ้นออกมาอ่านก็ได้ครับ) หากไม่สามารถเปิดไฟล์นี้ได้ ให้ Download และติดตั้งโปรแกรม Adobe Acrobat Reader 8.1 ได้จากลิ้งค์นี้ http://ardownload.adobe.com/pub/adobe/reader/win/8.x/8.1/enu/AdbeRdr810_en_US.exe

2.จาก การบรรยายธุรกิจนี้ผ่านทางอินเตอร์เน็ตออนไลน์ ด้วยคอมพิวเตอร์เชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต และติดตั้งโปรแกรมประชุมออนไลน์ซึ่งจะจัดส่งให้ทางอีเมล์โดยไม่มีค่าใช้จ่าย โดยคุณจะทราบรายละเอียดธุรกิจนี้ครบถ้วน 100 % สามารถติดต่อเข้ารับฟังบรรยายธุรกิจออนไลน์ได้ที่ MSN : ______________ หรือ Tel : _______________ เรียนสายคุณ __________ ครับ/ค่ะ

อีเมล์ฉบับแรกจะส่งข้อความประมาณนี้ครับ ฉบับที่ 2 จะให้รายละเอียดถึงแผนรายได้แบบยั่งยืนจากธุรกิจ GDI ข้อความที่ใช้ในอีเมล์จะประมาณนี้ครับ

หัวข้อ : แผนรายได้แบบยั่งยืนจากธุรกิจ GDI หาเพิ่มเดือนละ 1 คน ก็มีรายได้เดือนละแสนได้
เนื้อจดหมาย : สวัสดีครับ/ค่ะ
ผม/ดิฉัน _________ ที่เคยส่งอีเมล์รายละเอียดธุรกิจ GDI ให้ครั้งนึง วันนี้ผม/ดิฉันนำเสนอแผนรายได้แบบยั่งยืนจากธุรกิจ GDI มาฝาก ทำเป็นตาราง excel ซึ่งสามารถเปลี่ยนตัวเลขในช่องสีแดงและเขียวทางขวามือข้างบนได้ครับ สรุปเนื้อหาเพียงแค่หาเพิ่ม เดือนละ 1 คน (ทุกคนทำเหมือนกันหมด) ภายใน 1ปี 4เดือน ก็มีรายได้เดือนละ2แสนทุกๆเดือนได้ และถ้าหากหาในแต่ละเดือนมากกว่า โอกาสที่จะมีรายได้หลักแสนก็จะเร็วขึ้น คลิ๊กดูแผนได้ที่ลิ้งค์นี้ครับ/ค่ะ
http://www.mcgyver2007.ws/GDI_Plans.xls (ไม่ต้องเปลี่ยนลิ้งค์)
รายละเอียดการสมัคร GDI มาให้ ขั้นตอนในการสมัคร GDI มี 2แบบ คือ

1.สมัครด้วยระบบบัตรเครดิตของวีซ่าหรือมาสเตอร์การ์ดทุกธนาคาร
2.สมัครด้วยระบบเดบิตด้วย บัญชีธนาคารของกสิกรไทยและกรุงเทพ
(ในประเทศไทยใช้ได้2ธนาคารนี้เท่านั้น)

ถ้าเลือกข้อ1
ก็เขาสมัคร paypal ได้ทันที เข้าศึกษาที่เวป
http://secure.gdimakemerich.com/paypal.php?userid=พิมพ์User-GDIของเราลงไปหลังเครื่องหมายเท่ากับ (ตัวอย่างเช่น http://secure.gdimakemerich.com/paypal.php?userid=joety2523 )

ถ้าเลือกข้อ 2
บริการของกสิกรไทย จะมีค่าใช้จ่ายถูกกว่าของกรุงเทพ แต่จะใช้เวลาในการตรงนี้ประมาณ3-4วัน ถ้าต้องการแบบเร็วๆ ของธนาคารกรุงเทพจะสมัครได้เร็วกว่าแต่จะมีค่าใช้จ่ายเรื่องบัตร ATM อีก300บาท (กสิกรไทยไม่ต้องทำก็สมัครได้)
ธนาคารกสิกรไทยดูวิธีการทำได้จากลิ้งค์นี้
http://secure.gdimakemerich.com/E-WebCard.php?userid=พิมพ์User-GDIของเราลงไปหลังเครื่องหมายเท่ากับ
ธนาคารกรุงเทพ การสมัครด้วยระบบบัตร ATM Be1st Visa ธนาคารกรุงเทพ ต้องนำบัตร ATM Be1st Visa มาใช้ บัตรทุกใบต้องผ่านขั้นตอน Verified by Visa กับทางธนาคารกรุงเทพก่อน สามารถทำตามขั้นตอนตามลิ้งค์นี้
http://secure.gdimakemerich.com/Be1st.htm อยู่ตรงกลางๆ มี 8 ข้อ

บัตร ATM Be1st ของธนาคารกรุงเทพมี 2 แบบดังนี้

2.1 บัตร ATM Be1st Visa รุ่นรับบัตรทันที หลังจากผ่านขั้นตอน Verified by Visa บัตรรุ่นนี้ไม่สามารถนำไปสมัคร paypal ได้ ให้ข้ามสเต็ปการสมัคร paypal ไปเลย เข้าสมัคร GDI ด้วยลิ้งค์นี้
http://secure.gdimakemerich.com/gdi-be1st.php?userid=พิมพ์User-GDIของเราลงไปหลังเครื่องหมายเท่ากับmcgyver2007

การสมัคร GDI หลังจากกดปุ่ม Register with Credit Card รายละเอียดที่ต้องใส่มีดังนี้
Credit Card Number คือ เลขบัตรเครดิต 16 หลัก ไม่เว้นวรรค ไม่ใส่ขีด
Card Holder Name คือ ชื่อ-นามสกุล ของผู้ถือบัตร เป็นภาษาอังกฤษ
Expiration Date คือ เดือนปีหมดอายุของบัตร เช่น 05/18 คือ may / 2018
Security Number คือ CVV ลับของบัตร ให้พลิกหลังบัตรจะเห็นเลข csp 9 ตัว ใช้เลข 3 ตัวสุดท้าย ใส่ลงไป

2.2 บัตร ATM Be1st Visa รุ่นอินเตอร์เนชั่นแนล (รอรับบัตร7วัน) หลังจากผ่านขั้นตอน Verified by Visa ก็ทำตามสเต็ปการสมัครที่หน้าเวปภาษาไทยแล้ว นำบัตรไปสมัคร paypal และ นำ paypal ไปสมัคร GDI จากลิ้งค์นี้ http://secure.gdimakemerich.com/Be1st.php?userid=พิมพ์User-GDIของเราลงไปหลังเครื่องหมายเท่ากับmcgyver2007

หลังจากเตรียมความพร้อมครบแล้ว สมัคร Paypal ได้ที่ลิ้งค์นี้ (กรณีบัตรเคเวปการ์ด, บัตรเครดิต,บัตร Be1st รุ่นอินเตอร์)
http://secure.gdimakemerich.com/paypal.php?userid=พิมพ์User-GDIของเราลงไปหลังเครื่องหมายเท่ากับmcgyver2007

หลังจากสมัคร Paypal ผ่านแล้วก็นำ paypal ไปสมัคร GDI ต่อได้ที่ลิ้งค์นี้
http://secure.gdimakemerich.com/gdi-credit.php?userid=พิมพ์User-GDIของเราลงไปหลังเครื่องหมายเท่ากับ

หากติดปัญหาการสมัคร ติดต่อผม/ดิฉันได้ที่ MSN/Email : ________________ หรือที่เบอร์ ______________ ได้ตลอด

หลังจากส่งอีเมล์ให้คนสนใจทั้ง 2 ฉบับแล้ว จะมีการติดต่อกับคนสนใจไม่ว่าจะเป็นทางโทรศัพท์หรือทาง SMS เพื่อแจ้งให้เขาทราบว่า เราได้ส่งรายละเอียดข้อมูลธุรกิจ GDI ให้ทางอีเมล์แล้ว ประโยคที่ใช้ในการพูดคุยโหลดได้จากลิ้งค์นี้ www.mcgyver2007.ws/Script_1.pdf หากไม่มีเวลาโทรจริง(การโทรคุยจะดีกว่า) จะใช้วิธีการส่ง SMS บอกก็ได้ การส่ง SMS ผ่านอินเตอร์เน็ตเวปไซต์เป็นช่องทางหนึ่งที่ประหยัดกว่าการส่งด้วยโทรศัพท์มือถือ เสียค่าใช้จ่าย SMS ละ 1บาท รายละเอียดสามารถศึกษาได้จาก www.smsdd.net ข้อความที่ใช้ส่งจะประมาณว่า “ส่งรายละเอียดธุรกิจออนไลน์100% GDIไม่แฝงงานขายให้ทางอีเมล์แล้วจากคุณ______”
หลังจากโทรไปแจ้งหรือส่ง SMS แล้ว 3-4วัน หากไม่มีการติดต่อกลับทางอีเมล์หรือทางโทรศัพท์สิ่งต่อไปที่ต้องทำคือ “การทำงานเชิงรุกด้วยการโทรไปพูดคุย” เพื่อจะได้รู้ว่าคนสนใจ อ่านข้อมูลที่ส่งไปให้แล้วหรือไม่ ติดปัญหาอะไร ต้องการข้อมูลอะไรเพิ่มเติม ต้องการความมั่นใจตรงส่วนไหนเพิ่ม ซึ่งในบทที่ 7-2 จะมีรายละเอียดตรงนี้พร้อมแล้วเดินหน้ากันต่อครับ

แนวคิดที่อยากฝากไว้

“ความล้มเหลวของเหตุการณ์” ถือเป็นรางวัลแห่งการเรียนรู้ ไม่ถือเป็นความล้มเหลวของจิตใจ หรือ ความล้มเหลวของชีวิต กลับเป็น “ชัยชนะของชีวิต” ต่างหาก เพราะชีวิตมีการพัฒนาทักษะในการอยู่กับความทุกข์ได้เก่งขึ้น ส่งผลให้ความผิดหวังมีผลบีบคั้นทางจิตใจได้น้อยลงไปตามลำดับ พลังความสุขในชีวิต...เกิดขึ้นได้ง่ายๆ เพียงเรารู้ทันว่า

“ชีวิตที่สมบูรณ์ คือ ‘ใจ’ ที่ยอมรับธรรมชาติความไม่สมบูรณ์ของชีวิต”

“ความสำเร็จไม่ได้หล่นจากฟ้า ไม่มีอะไรเป็นไปอย่างที่เราคิด ปัญหาจะทำให้คนแข็งแกร่งขึ้น ”

“ ความสำเร็จของคน ไม่ได้เกิดจากสวรรค์ ไม่ได้เกิดจากโชคชะตา แต่เกิดจากการฝึกฝนอย่างจริงจัง และสม่ำเสมอ ”

อุปสรรคเป็นบททดสอบของชีวิต ฝนฟ้าคะนอง ลม พายุ เราสามารถผ่านไปได้ด้วยปัญญา ที่สำคัญคือ มีความสุขกับทุกๆจังหวะของชีวิต และอย่าลืมหันมาดูแลตัวเอง ดูแลคนรอบข้าง แค่นี้ความสุขก็วนเวียนอยู่รอบๆตัวคุณแล้ว

“ อย่าคิดว่าตนเองดีที่สุดแล้ว แต่จงคิดว่าทำอย่างไรให้ดีกว่าเดิม ”


ข้อเสนอแนะ

หากมีตรงไหนที่ไม่เข้าใจที่เกิดปัญหาการเรียนรู้หรือปัญหาการทำงาน ให้จดปัญหานั้นเอาไว้ “อย่าจำ” “สมองของมนุษย์มีไว้คิด มากกว่ามีไว้จำ” ในแต่ละวันสมองเรามีเรื่องให้เราคิดก็มากมายหลายเรื่องอยู่แล้ว ต้องมาจดจำปัญหาเพิ่มคงจะหนักเกินไปและอาจลืมปัญหาที่จะถามกับอัพไลน์แน่ๆ ฉะนั้นสมุดคู่ใจที่พร้อมจดปัญหาทุกๆสถานการณ์ควรมีติดตัวไว้เวลาทำงาน GDI ครับ และติดต่อกับอัพไลน์ให้ไวที่สุดเท่าที่จะทำได้ หากติดต่อทางโทรศัพท์ไม่ได้ให้ติดต่อทางอีเมล์หรือติดต่อกับอัพไลน์ที่สูงกว่าซึ่งมีให้ปรึกษาถึง 5 คน “ไม่ผลัดวันประกันพรุ่ง” ใช้คำว่า “เดี๋ยวก่อนๆ” สุดท้ายก็ “ลืม” ฉะนั้นนึกอะไรขึ้นได้ให้รีบจดและรีบหาคำตอบทันทีครับ จะทำให้เราเก่งได้ไวขึ้นและมีระเบียบวินัยในการทำธุรกิจมากขึ้นด้วย

ในบทนี้การติดต่อกับอัพไลน์บ่อยๆเป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ การติดต่อทางอีเมล์ ,ทาง MSN ,ทางโทรศัพท์ สามารถใช้ได้ทุกวิธีที่เหมาะสมกับตัวเรา(ทางอีเมล์เป็นเมนหลักของการติดต่อที่ทำได้ทุกเวลา) และการเรียนรู้อีกทางหนึ่งขององค์กรนี้จากการฟังและยังสามารถพูดคุย ,แลกเปลี่ยนความคิด ,สอบถามปัญหา และขอประสบการณ์คำปรึกษาจากผู้ที่ทำธุรกิจ GDI นั่นคือ “การอบรมออนไลน์ประจำสัปดาห์” การเรียนรู้ด้วยวิธีนี้จะได้เทคนิคและวิธีต่างๆที่อัพเดจและในอีเมล์ไม่มี ข่าวสารอัพเดจใหม่ๆ มุมมองทัศนคติของผู้ร่วมธุรกิจ ประสบการณ์ตรงของผู้ร่วมธุรกิจ GDI ที่พร้อมจะถ่ายทอดเทคนิคการทำงานดีๆ เพื่อนใหม่ในธุรกิจเดียวกัน และอื่นๆอีกมากที่คุณไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเลย ช่วงเวลาที่อบรมออนไลน์ประจำสัปดาห์จะเป็นช่วงหัวค่ำของแต่ละวัน สำหรับทีมงานใหม่ๆที่เพิ่งเข้ามาทำธุรกิจนี้ไม่นาน หากไม่ได้มีธุระอะไรที่จำเป็นหรือติดงานหรือสิ่งสำคัญจริงๆ แนะนำว่าเข้ามารับฟังข้อมูลดีๆผ่านห้องอบรมออนไลน์ห้องนี้ “ลองจัดหาเวลาแทนที่จะรอให้มีเวลา” เข้ามาเรียนรู้ด้วยวิธีนี้ดูครับ ส่วนวิธีเข้าห้องออนไลน์และตารางการเรียนรู้จะได้รับจากอัพไลน์ทางอีเมล์ หากไม่ได้ให้ติดต่ออัพไลน์เพื่อขอทราบรายละเอียดต่างๆตรงนี้

กฏหมาย พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ที่ควรรู้

ในฐานะที่เราทำธุรกิจซึ่งเกี่ยวข้องกับคอมพิวเตอร์ไม่ว่าจะเป็นผู้ใช้หรือผู้ให้บริการ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องศึกษาข้อมูลและทำความเข้าใจเกี่ยวกับพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ฉบับนี้ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือ ป้องกันไม่ให้เกิดการกระทำผิดทางคอมพิวเตอร์ และให้การใช้งานคอมพิวเตอร์เป็นไปในทางสร้างสรรค์และมีประโยชน์
















สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ พ.ร.บ.นี้ได้จาก website ของหลากหลายหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องและรับผิดชอบ อาทิ

  1. กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร http://www.mict.go.th
  2. ศูนย์ตรวจสอบและวิเคราะห์การกระทำผิดทางเทคโนโลยี (High-Tech Crime Center) http://htcc.police.go.th
  3. กองบัญชาการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร http://ict.police.go.th
  4. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ http://www.royalthaipolice.go.th
  5. กรมสอบสวนคดีพิเศษ http://www.dsi.go.th/dsi/index.jsp
  6. เว็บไซต์ NECTEC เพื่อประชาคมความรู้ (NECTEC PEDIA) http://wiki.nectec.or.th/nectecpedia/index/php

หรือดาวน์โหลดพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ได้ที่ http://www.etcommission.go.th/documents/laws/20070618_CC_Final.pdf

คนทุกคนในโลกกลมๆ ใบนี้ มีวิธีในการทำเงิน 4 แบบ แบ่งแยกตามลักษณะนิสัยของคน 4 ด้านดังนี้

1. E (Employee: ลูกจ้าง) ถ้าเราได้รับเงินเดือนจากการทำงานให้กับกิจการที่เราไม่ได้เป็นเจ้าของ ก็แสดงว่าเงินของเรามาจากด้าน E ไม่ว่าเขาจะอยู่ตำแหน่งไหนในบริษัทตั้งแต่พนักงานทำความสะอาด จนถึงประธานบริษัท ก็ล้วนแต่เป็นลูกจ้างด้วยกันทั้งนั้น คนเหล่านี้ชอบที่จะคิดและพูดว่า “ฉันต้องการหางานที่มีรายได้มั่นคง” หรือไม่ก็พูดว่า “เราจะได้ค่าล่วงเวลาเท่าไร” หรือ “มีวันหยุดกี่วัน” การทำเงินของคนกลุ่ม E คือ การทำงานอิสระตามลำพัง รายได้มีขีดจำกัด ต้องขายความรู้ ความสามารถและแรงงานของตนเองเพื่อแลกกับรายได้ที่ได้มา ซึ่งข้อจำกัดในการเพิ่มรายได้ของการเป็น ลูกจ้างก็คือ “เวลาและความรู้ ความสามารถในอาชีพนั้นๆ” หากวันนี้เราต้องการรายได้มากขึ้น เราต้องมีความรู้ ความสามารถมากขึ้นเพื่อต่อรองกับค่าตัวของเรากับนายจ้าง หรือหากเราขยัน ทำงานมากขึ้น (จำนวนชั่วโมงมากขึ้น) เราก็อาจจะมารายได้มากขึ้น (หรือเรียกว่าทำ OT. ) หรือเราอาจจะมองหางานใหม่ที่เงินเดือนมากขึ้นก็ได้ น่าเสียดายที่คนในด้าน E มุ่งเน้นแต่แสวงหาความมั่นคง แต่เขาไม่รู้เลยว่า วันดีคืนดีเขาอาจจะถูกให้ออกจากงานเมื่อไรก็ได้ บริษัทอาจจะต้องปิดตัวหรือปลดคนงานออกเพื่อลดต้นทุน สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่คนด้าน E ไม่สามารถควบคุมได้ นอกจากนั้นคนกลุ่มนี้ยังไม่รู้วิธีการทำเงินด้วยวิธีอื่นๆ เขายินดีที่จะทำงานให้กับคนอื่น หรือนายจ้างในบริษัทหรืออาจจะรับราชการและยอมที่จะทำงานอย่างหนักทุกๆ วันจนครบ 1 เดือนเพื่อรับเงินเพียง 1 ครั้ง ตลอดเวลาเขาเฝ้ามองหาความมั่นคง มองหางานที่ได้เงินมากกว่าเดิมเสมอ แต่ความจริงก็คือบริษัทจะไม่เลี้ยงดูหรือให้งานเราทำตลอดชีวิต เมื่อเราอายุถึง 55 หรือ 60 ปี เราจะถูกบังคับให้เกษียณอายุ แล้วเมื่อเราเกษียณอายุ ชีวิตที่เหลืออยู่จากนี้ของเรา ซึ่งยังคงต้องกินใช้ตลอด ทั้งค่าไฟ ค่าน้ำ ค่าเช่าบ้าน จะเอาที่ไหนมาจ่ายละครับ หรือว่าจะหวังว่าลูกๆ ของเราคงจะเลี้ยงดูเราแทน ญาติๆ ของเราจะเลี้ยงดูเรา หรือว่าเราจะมีเงินเก็บซึ่งมีมากพอที่จะใช้ต่อจาก 60 ปีจนเสียชีวิตของเรา

2. S (Self – Employed: กิจการส่วนตัวหรือเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก) ถ้ารายได้ของเราเป็นลักษณะของค่านายหน้า หรือเราคิดค่าตัวของเราเป็นรายชั่วโมงกับลูกค้า เราก็อาจจะอยู่ในกลุ่ม S เช่นพวกตัวแทนขายอสังหาริมทรัพย์ที่มักจะพูดว่า “เราคิดค่านายหน้า 6% จากราคาซื้อ” หรือพวกนักกฎหมายหรือแพทย์ที่คิดค่าใช้จ่ายเป็นรายชั่วโมง นอกจากนั้นก็ยังรวมถึงเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก เช่นเจ้าของร้านอาหาร กิจการในครอบครัว อาชีพที่ปรึกษา หรือธุรกิจของตัวเองโดยที่เราเป็นผู้ดูแลหรือผู้ผลิตเอง รวมไปถึงการเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน คนเหล่านี้มักชอบที่จะทำอะไรด้วยตัวเขาเองเสมอ เรื่องที่น่าเศร้าก็คือ คนกลุ่มนี้มักจะมีรายได้ต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับคนกลุ่มอื่นๆ ในขณะที่ต้องทำงานหนักมากกว่าคนอื่น ปัญหาใหญ่ของคนกลุ่มนี้คือการขาดเงินทุน บ้างก็ขาดกำลังใจหรือบ้างก็ขาดทั้งสองอย่าง คนที่ทำเงินจากด้าน S ต้องอดทนทั้งกับลูกค้า เจ้าหน้าที่รัฐหรือแม้แต่ลูกจ้างของตัวเอง และเมื่อเขาต้องเผชิญกับคนหลายๆ กลุ่มพร้อมๆ กันก็เป็นเรื่องยากที่เขาจะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ วิธีทำเงินของคนกลุ่ม S คือ การขายเวลาในแต่ละวันและความสามารถ (เฉพาะด้าน) ของตัวเราเองออกไป อาจจะเป็นการใช้เงินซื้อสินค้าอะไรมาบางอย่างเพื่อขายต่อ เช่นการเปิดท้ายขายของ การเปิดร้านเสื้อผ้า หรือหากเราเป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เช่น ถ้าเราเป็นคุณหมอที่มาเปิดคลินิกของตัวเอง เราก็ต้องลงทุนเช่าที่ ซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ฯลฯ หรือหากเป็นทนาย นักบัญชี เราต้องใช้เวลา (ของเรา) ความรู้ ความสามารถ (ของตัวเราเองเท่านั้น) ในการทำเงิน ข้อจำกัดของการทำเงินแบบ S ที่สำคัญที่สุดคือ " เวลา " เพราะเราไม่สามารถหยุดทำงานได้ เช่นหากเราเป็นเจ้าของร้าน หากเราต้องการปิดร้านเพื่อไปพักผ่อน รายได้ของเรา (จากร้านค้าของเรา) ในวันนั้นก็จะไม่มี หากว่าเราเป็นทนายเกิดเราไม่สบาย เราก็ไม่มีรายได้ในวันนั้น (จากค่าว่าความ หรือจากค่าให้คำปรึกษา) เวลาจึงเป็นข้อจำกัดที่สำคัญที่สุดของการทำเงินแบบ S นอกจากนั้นข้อจำกัดอีกข้อที่สำคัญคือ รายได้แบบ S นี้ ไม่สามารถส่งต่อให้กับทายาทได้ เช่น หมอมีลูกชาย ลูกชายคนนี้อาจจะไม่ได้เรียนหมอมา หรือเรียนมาอาจจะไม่เก่งเท่ารุ่นพ่อได้ ดังนั้นไม่แน่เหมือนกันว่าทายาทของเราจะทำได้เหมือนที่เราทำได้

3. B (Business Owner: เจ้าของธุรกิจขนาดใหญ่หรือเจ้าของบริษัท) ถ้าหากว่ารายได้ของเรามาจากธุรกิจ โดยที่เราไม่ต้องไปทำงานนั้นเอง เราก็จัดอยู่ในกลุ่ม B และรายได้นี้ก็จะมีเข้ามาตลอดไม่ว่าเขาจะทำธุรกิจนี้หรือว่าลาจากโลกนี้ไปแล้ว คนที่อยู่ในด้าน B สามารถที่จะปล่อยวางธุรกิจของเขาได้เป็นปีๆ เมื่อเขากลับมา ธุรกิจนั้นก็ยังคงอยู่และอาจจะทำกำไรได้มากขึ้นอีกด้วย” เช่น ร้านแมคโดนัล ผมว่าทุกคนน่าจะรู้จักร้านแมคโดนัลดี ทุกวันนี้ร้านแมคโดนัลทุกสาขาทั่วโลกทำรายได้ทุกๆ นาที ทุกๆ วันให้กับเจ้าของ โดยที่เจ้าของแมคโดนัลไม่ต้องไปทำงานที่ร้านแมคโดนัลเลย (เจ้าของไม่จำเป็นต้องลงมือทำงานเอง) นอกจากนั้นหากเจ้าของร้านแมคโดนัลได้ตายจากโลกนี้ไป ลูกๆ ของเขาก็ยังคงมีรายได้จากร้านแมคโดนัลทั่วทุกมุมโลกอยู่ดี ลูกๆ ของเขาอาจจะทำแฮมเบอร์เกอร์ไม่เป็นเลยก็ได้ คนรวยทั่วโลก โดยส่วนมากจะเป็นคนที่มีรายได้จากธุรกิจของตัวเอง (เป็นคนแบบ B) ยกตัวอย่างเช่น คุณทักษิณ เป็นเจ้าของบริษัท ชินคอร์ป (AIS) และบริษัทอื่นๆ อีกมากมาย รายได้ที่ได้ต่อวันมากกว่าคนที่ทำงานประจำทำมาทั้งปี ในขณะที่คุณทักษิณ ไม่จำเป็นต้องไปที่บริษัทเลย หรือบิล เกต เจ้าของบริษัทMicrosoft ซึ่งเป็นผู้ผลิตโปรแกรมที่คนทั่วโลกรู้จักเช่น Windows, Microsoft Office ฯลฯ) บิล เกตมีรายได้มากขนาดที่มีคนเคยคำนวณเล่นๆ ว่า “หากบิล เกตทำเงิน 10 เหรียญตกที่พื้น เขาไม่จำเป็นต้องก้มลงไปเก็บก็ได้ เพราะในอีก 1 วินาทีต่อมา บริษัทของเขาก็สามารถทำเงินได้ 10 เหรียญ” ลองคิดดูครับว่า ใน 1 นาทีเขา (บริษัทของเขา) จะทำเงินได้เท่าไร? ใน 1 ชั่วโมงจะทำเงินได้เท่าไร? ถ้า 1 วันเขาจะทำเงินได้มหาศาลแค่ไหน? บิล เกตในวันนี้ไม่จำเป็นต้องไปทำงาน เขาก็มีเงินจากบริษัทของเขาตลอดเวลา การทำเงินแบบคนด้าน B คือการสร้างธุรกิจขึ้นและจ้างให้คนอื่นมาทำงานให้ธุรกิจของเราเติบโต (ก็คือจ้างคนกลุ่ม E และ S มาทำแทนให้เรา) เป็นการทำงานเป็นทีม รายได้ไม่มีขีดจำกัด ข้อจำกัดของการทำเงินแบบ B คือ “ความรู้ทางด้านการเงิน” การเริ่มต้นสร้างธุรกิจต้องใช้ความรู้ทางด้านการเงินเพื่อช่วยควบคุมความเสี่ยงต่อการขาดทุน หลายๆ คนไม่สามารถก้าวข้ามสู่การเป็นเจ้าของธุรกิจได้ เพราะกลัวเสียเงินนั่นเอง

4. I (Investor: นักลงทุน) ถ้ารายได้ของเรามาจากการลงทุน เราก็อยู่ในกลุ่ม I คนกลุ่มนี้คือ คนที่มีรายได้จากการใช้เงินทำงานแทนนั่นเอง เช่นการได้รับการดอกเบี้ยหรือการปันผลจากหุ้น รายได้จากค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ที่เราเป็นเจ้าของ รายได้จากค่าลิขสิทธิ์ (เพลง, สูตรยาต่างๆ ลิขสิทธิ์ทางปัญญา ฯลฯ) โดยที่เราไม่จำเป็นต้องทำงาน เพราะเงินหรือทรัพย์สินของเขาทำงานแทนและทำเงินให้กับเจ้าของตลอดเวลา การทำเงินแบบคนด้าน I คือ มองหาการลงทุนที่สามารถใช้เงินของเรา ออกไปทำงาน สร้างผลตอบแทนที่คุ้มค่ากลับมาให้เรา โดยที่เราไม่ต้องออกไปทำงาน เช่นการลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ หรือพันธบัตร หรืออาจจะลงทุนในกิจการ (บริษัท) ที่คิดว่าน่าจะให้ผลประโยชน์ได้มากข้อจำกัดของการทำเงินแบบ I คือ “ความรู้ทางด้านการเงิน” ผู้ที่เริ่มต้นอาจจะต้องผิดพลาด ล้มเหลวบ้างแต่ทั้งหมดนั้นจะเป็นกลายเป็นประสบการณ์ทำให้มีความเชี่ยวชาญมากขึ้น ผู้ที่มีความรู้ในเรื่องการเงินมากเท่าไร จะเป็นผู้ที่ทำเงินได้มากที่สุด และมีความเสี่ยงน้อยที่สุด

จะเห็นได้ว่าการทำเงินในด้าน B และ I จะเป็นด้านที่ทำเงินได้มาก ในขณะที่เราใช้เวลาในการทำงานน้อยลง ในตอนท้ายของหนังสือชุดนี้ ผู้เขียนได้ถามเรา (คือผู้อ่าน) ว่า “ตอนนี้เราอยู่ด้านไหนของเงิน 4 ด้าน และครอบครัวของเรา คนรักและญาติๆ ของเราเขามีรายได้จากด้านไหนบ้าง? เมื่อเรารู้แล้วว่าเราอยู่ด้านไหนแล้ว เราต้องการจะอยู่ด้านไหนมากกว่ากัน?”

" ธุรกิจคลิก "

บทความ "ธุรกิจคลิก" วันนี้ได้อ่านบทความดี ๆ จาก upline มาครับเลยเอามาฝากกันลองอ่านดูครับเป็นประโยชน์ต่อการทำงานไม่มาก ก้อน้อยครับ

อย่างที่ผมเคยบอกไป ธุรกิจผ่านอินเตอร์เนตนั้น มีมากมายนับไม่ถ้วน เยอะซะจนธุรกิจบางอย่างเราก็คาดกันไม่ถึงกันเลยทีเดียว ธุรกิจที่เรากำลังทำอยู่นี้ก็เป็นธุรกิจอีกรูปแบบหนึ่ง ซึ่งเป็นธุรกิจโดเมน ผนวก เข้ากับเครือข่าย และ อินเตอร์เนตครับแต่วันนี้ผมจะมาพูดถึง ธุรกิจอีกอย่างหนึ่ง ที่ทำให้ใครหลายคนไม่กล้าที่จะทำธุรกิจออนไลน์กันอีกเลยครับผมเคยพูดไป แล้วในบล็อกที่แล้วครับ ว่าผมเป็นคนกล้าล้มเหลว ไม่กลัวที่จะล้ม ผมก็ลองมาเยอะครับ และครั้งนี้ผมก็ได้ประสบการณ์กลับมาเหมือนกัน ธุรกิจนั้นก็คือ ธุรกิจโกงคลิกครับหลายคนอาจจะไม่คุ้นหูนัก ผมจะบอกอีกชื่อหนึ่งคือ ธุรกิจ อ่านอีเมลล์ ธุรกิจคลิกโฆษณา ครับ เริ่มจะคุ้นหูหรือยังครับเช่น Cashfiesta, moneyclick, clickdollar หรืออะไรต่างๆมากมายหลายบริษัทบริษัทต่างๆเหล่านี้ ให้เราทำงาน ที่เราก็ไม่รู้ว่าทำอะไร เรารู้แค่ว่า เราต้องอ่านอีเมล หรือคลิกโฆษณาเท่านั้นเองเบื้องหลังบริษัทจริงๆนั้น เขาเพียงแค่ต้องการโกงคลิกจากโฆษณา หรือแบนเนอร์ที่มีการจ่ายค่าโฆษณาต่อ 1 คลิกครับเช่น ถ้าคุณไปซื้อพื้นที่โฆษณากับเวปหนึ่ง โดยมีสัญญาว่าจะจ่าย $10 ต่อคนคลิก 1000 คน ซึ่งบริษัทให้ผลประโยชน์คุณก็คือ ถ้าไม่มีคนคลิก คุณก็ได้แปะโฆษณาฟรี ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย หรือถ้าคลิกไม่ถึงก็ไม่ต้องจ่าย เป็นต้น และคุณก็จะได้ลูกค้ามากถึง 1000 คน โดยที่จ่ายค่าโฆษณาแค่ $10 และลูกค้าทั้งหมดนั้นก็สนใจบริษัทคุณ จากแบนเนอร์จึงได้ผู้เยี่ยมชมทั้งหมดเป็นลูกค้าที่มีความนใจในสินค้าในขั้นต้นแต่บริษัท ก็อาจจะมีกลโกงบ้าง โดยการคลิกเองบ้าง ให้เพื่อนคลิกบ้าง หรือเขียนโปรแกรมมาคลิกโดยเฉพาะก็มี แต่เนื่องจากโดนจับได้ง่าย เช็คจาก IP Address ดังนั้น ก็เลยเปิดให้คนอื่นๆทั่วโลก จนลามมาถึงประเทศไทย ได้ช่วยกันคลิก คลิกเยอะๆ คลิกเข้าไป บริษัทได้กับได้ แถม IP ก็กระจัดกระจาย จนไม่รู้ว่ามาจากการโกงคลิกหรือเปล่า และคนที่คิดวิธีนี้ก็หัวใสมาก โดยการทำเป็นลำดับชั้น เหมือนเคลือข่าย ทำให้มีการสมัครสมาชิกใหม่เข้ามาเรื่อยๆ แบบนี้เขาก็ได้สมาชิกเข้ามาคลิกคนใหม่เพิ่มเรื่อยๆ ส่วนสมาชิกเก่าเมื่อทำงานไปได้ซักพัก พบว่าการคลิกนั้นไม่คุ้มค่ากับความเหนื่อยเลยก็เลิกไป ทำให้บริษัทได้สมาชิกผู้คลิกหน้าใหม่เรื่อยๆ ซึ่งนั่นก็เป็นผลดีต่อบริษัทเลยทีเดียวครับบริษัทได้วางแผนมาไว้ตั้งแต่ต้นแล้ว ว่าจะจ่ายค่าโฆษณาต่อคลิกในอัตราเท่าไหร่ และส่งโฆษณาในอัตราเท่าไหร่ ประเภทที่ให้เปิดเนตทั้งวันนั้น แต้มที่ได้กว่าจะคูณกับอัตราที่ได้จริง ก็เป็นเงินนิดเดียว ไม่พอที่จะถอนออกมาใช้ด้วยซ้ำ (ขั้นต่ำ $50) โดยมี level ให้ว่าถ้าทำ level ให้สูงขึ้น ก็จะได้คูณมากขึ้น ก็ทำเงินง่ายขึ้น แต่นั่นคุณต้องจ่ายเงินซื้อของ level ละหลายร้อยเหรียญ มิหนำซ้ำ level หนึ่งที่ซื้อมา ยังอยู่ได้แค่เดือนเดียว!! ก็เด้งกลับไป level แรกใหม่ บางอันให้เปิดอ่านอีเมล ซึ่งให้ผลตอบแทนสูงหน่อย เช่นคลิกละ $0.05 หรือ $0.10 หรือแม้แต่ $1 เพื่อเรียกกำลังใจ แต่พวกนี้เขาวางระบบไว้หมดแล้ว ว่าอีเมลหนึ่ง (เมลของเรา) เขาจะส่งอีเมลให้เราคลิกจำนวนเท่าไหร่ ส่งอันไหนบ้าง โดยวันแรกๆ จะส่งให้เยอะมากๆ เราจะได้รู้สึกว่า ยอดขึ้นกันเห็นๆ ในขณะเดียวกัน เมื่อเราเห็นยอดเงินขึ้น เราก็ไปหาลูกข่ายให้บริษัทอีกตะหาก แต่พอยอดเราใกล้ๆจะถึงที่เราจะถอนออกมา ใช้ได้แล้ว กลับพบว่า บริษัทส่งเมลมาให้เราน้อยลงๆ ทันตาเห็น คำนวณออกมาแล้ว เป็นปีกว่าจะได้ (มีอันนึงผมคำนวณแล้วใช้เวลา 50 ปี ถึงจะได้ $50 ...เฉพาะค่าไฟก็ไม่คุ้มแล้ว)บริษัทที่จ่ายจริงก็อาจจะมีนะครับ แต่ไม่ทำให้เรารวยครับ แค่พอมีรายได้ให้กินให้ใช้ แต่ไม่คุ้มเหนื่อยหรอกครับถ้าใครไม่เชื่อคำแนะนำ ผมแนะนำอย่างนี้ครับ :: ให้ลองทำดูก่อนครับ ซัก 1 อาทิตย์ เราก็จะเริ่มเห็นผลแล้วครับ เพราะของพวกนี้มันเห็นผลวันต่อวัน วันแรกๆได้เงินแค่ 0.10 บาท วันถัดมาก็อย่าหวังจะได้ 10 บาทเลยครับผมเคยล้มมาแล้วครับ แต่ผมไม่เสียใจครับ เพราะผมทำอย่างมีสติ และไม่หวังมากจนเกินไป ทำให้เต็มที่ และวัดผลต่างๆ โดยใช้เหตุใช้ผล ดูว่าเราทำได้ดีพอหรือยัง มีตรงไหนขาดตกบกพร่องไหม พิจารณาธุรกิจที่เราทำ วิเคราะห์หลายๆอย่าง ไม่จำเป็นต้องวิเคราะห์ได้ครบทุกแง่ทุกมุมก็ได้ครับ ขอให้วิเคราะห์ให้มากที่สุดเท่าที่เราจะคิดได้ แค่นั้นก็ดีแล้วครับ แต่หากวิเคราะห์ได้ทุกแง่ ทุกมุม คาดการณ์ล่วงหน้าได้เก่งจริง ถือว่าคุณเป็นนักธุรกิจที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งเลยทีเดียวครับ

*สุดท้ายแล้ว ประสบการณ์ที่ผมได้จากธุรกิจที่ล้มเหลวนี้ คือการประชาสัมพันธ์เวปไซตืด้วยวิธีการต่างๆ ข้อความไหนได้ผลดี ข้อความรูปแบบไหนน่าสนใจ ทำให้ผมเริ่มต้นงานใหม่ได้อย่างไม่ยากเย็นครับสุดท้ายนี้ขอให้ทุกคนประสบ ความสำเร็จโดยเร็ว ไม่ว่าจะทำธุรกิจใดๆก็ตาม และอย่าลืมนำประสบการณ์ที่เก็บเกี่ยวมาทุกๆอย่าง มาใช้ให้เป็นประโยชน์นะครับ


**ขอขอบคุณบทความ แจ็ค upline แห่ง GDI_makemerich ครับ **